วันศุกร์ที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

                                                พยัญชนะในภาษาเยอรมัน A-Z


A        B        C        D        E        F        G        H        I        J        K        L        M        N        O       
อา      เบ       เซ       เด      เอ       เอฟ      เก      ฮา       อี      ยอท    คา       แอล   เอ็ม    เอ็น     โอ


P        Q        R        S        T        U        V        W        X        Y        Z        Ä        Ü        Ö        ß(ss)
เพ     คู       แอ      เอส    เท      อู       เฟา     เว        อิ๊ก    อึบซิลอน  แซท 


    พยัญชนะพิเศษ

Ä  ออกเสียง แอ เอ
ü   ออกเสียง อี แต่ทำปากกลมเหมือน อู
ö   ออกเสียง อู แต่ทำปากกลมเหมือน โอ


                            การนับเลข - ภาษาเยอรมัน

0 = null ->นุล

1 = eins ->ไอนฺส

ฺ 2 = zwei ->สไว

3 = drei -> ไดร

4 = vier ->เฟีย

5 = fünf -> ฟึนฟ

6 = sechs ->เซ็คซฺ

7 = sieben -> ซีเบ็น

8 = acht ->อ้าคทฺ

9 = neun -> นอยนฺ

10 = zehn -> เซน

11 = elf ->เอลฟฺ

12 = zwölf ->สโวลฟฺ

13 = dreizehn ->ไดรเซน

14 = vierzehn ->เฟียเซน

15 = fünfzehn -> ฟึนฟเซน

16 = sechzehn ->เซ็คเซน

17 = siebzehn ->ซีปเซน

18 = achtzehn ->อ้าคทฺเซน

19 = neunzehn ->นอยนฺเซน

20 = zwanzig ->ซวานซิก

21 = einundzwanzig ->ไอนอุนดฺซวานซิก

22 = zweiundzwanzig ->สไวอุนดฺซวานซิก

23 = dreiundzwanzig ->ไดรอุนดฺซวานซิก

24 = vierundzwanzig ->เฟียอุนดฺซวานซิก

25 = fünfundzwanzig ->ฟึนฟฺอุนดฺซวานซิก

26 = sechsundzwanzig ->เซ็คซฺอุนดฺซวานซิก

27 = siebenundzwanzig ->ซีปอุนดฺซวานซิก

28 = achtundzwanzig ->อ้าคทฺอุนดฺซวานซิก

29 = neunundzwanzig ->นอยนฺอุนดฺซวานซิก

30 = dreißig ->ไดรซิก

40 = vierzig ->เฟียซิก

50 = fünfzig -> ฟึนฟฺซิก

60 = sechzig ->เซ็คซิก

70 = siebzig ->ซีปซิก

80 = achtzig ->อ้าคทฺซิก

90 = neunzig ->นอยนฺซิก

100 = hundert ->ฮุนเดรท

101 = hunderteins ->ฮุนเดรทไอนสฺ

102 = hundertzwei -> ฮุนเดรทสไว

111 = hunertelf ->ฮุนเดรทเอลฟฺ

112 = hundertzwölf ->ฮุนเดรทสโวลฟฺ

200 = zweihundert ->สไวฮุนเดรท

1000= tausend ->เท้าเซ็นดฺ

1000000= eine Million ->ไอนฺมิลลิโอน

100000000= eine Milliarde ->ไอนฺมิลลิิอารฺเดอะ

ครีมเทียม

                                            ประวัติ

ครีมผง (ไม่เทียม) เริ่มมีการขายเป็นครั้งแรกในปี ค.ศ. 1952 เรียกว่า พรีม ซึ่งทำมาจากครีมและน้ำตาลอบแห้ง ครีมผงนี้ละลายน้ำไม่ค่อยได้เพราะเหตุที่มีโปรตีนนมหกปีต่อมาในปี ค.ศ. 1958 บริษัทคาร์เนชันได้สร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ที่สามารถละลายในน้ำร้อนได้ง่ายเพราะว่า มีการทดแทนไขมันนมด้วยไขมันพืช และลดระดับการใช้โปรตีนนมออกไป เป็นผลิตภัณฑ์ที่ขายใช้ชื่อการค้าว่า คอฟฟีเมต (อังกฤษ: Coffee-Mate)[
ตราสินค้า คาร์เนชั่น คอฟฟีเมต เริ่มต้นจากประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นสินค้าเพื่อใช้ทดแทนนมสำหรับใส่ในกาแฟโดยเฉพาะ เพื่อให้ได้รสชาติที่ดียิ่งขึ้นกว่าเดิม หลังจากที่เริ่มวางจัดจำหน่ายในปี 1961 คอฟฟีเมตได้รับความนิยมในทันทีเนื่องจากสินค้าช่วยให้กาแฟลดความขมเฝื่อน แต่กลับกลมกล่อมหอมันได้อย่างที่ผู้บริโภคชื่นชอบ จากความนิยมที่แพร่หลายเพิ่มมากขึ้น ตราสินค้าได้ปรับ เป็น เนสท์เล่ คอฟฟีเมตในปี 1985 จากการควบรวมกิจการ เพื่อใช้ตราสินค้านี้ในการจัดจำหน่ายไปทั่วโลก ในประเทศไทย โรงงานผลิต เนทส์เล่ คอฟฟีเมต เริ่มขึ้นเมื่อปี 1983 และพร้อมผลิตสินค้าออกจำหน่ายในประเทศไทยเมื่อปี 1985
ปัจจุบัน เนสท์เล่ คอฟฟีเมต มีวางจำหน่ายทั่วโลกไปกว่า 70 ประเทศ ทุกๆ 1 วินาที คนทั่วโลกจะดื่มกาแฟที่ใส่คอฟฟีเมต 1,000 แก้ว และ 88 แก้ว เกิดขึ้นในประเทศไทย

                                       

                                         

                                              ส่วนผสม

เพื่อจะให้มีรสชาติและสัมผัสเหมือนกับไขมันนม ครีมเทียมมักจะมีไขมันพืชแปรสภาพ (hydrogenated) หรือที่เรียกว่า ไขมันทรานส์ ถึงแม้ว่า ผลิตภัณฑ์ครีมเทียมที่ไม่มีไขมัน (nonfat) ก็มีอยู่เหมือนกัน องค์ประกอบอย่างอื่น ๆ ที่มีทั่วไปรวมทั้งน้ำตาลจากข้าวโพด (corn syrup) และสารปรุงแต่งกลิ่นหรือรสอื่น ๆ รวมทั้งกลิ่นวานิลลา ถั่วเฮเซิล (hazelnut) และโซเดียมแคซีเนต (sodium caseinate) คือโปรตีนอนุพันธุ์ที่ได้มาจากเคซีนซึ่งเป็นโปรตีนของนม (ไม่มีแล็กโทส) แต่ว่า การใช้โปรตีนที่มาจากนมทำให้กลุ่มชนบางพวกและองค์กรบางองค์กร เช่นกลุ่มที่ทานอาหารเจแบบเคร่งครัด (vegan) และองค์กรที่กำหนดความสมควรของอาหารของชาวยิว (kashrut) ทำการกำหนดว่าครีมเทียมชนิดนี้เป็นผลิตภัณฑ์มีนม ไม่ใช่ไม่มีนม ีมีผลเป็นการไม่บริโภคครีมเทียมของพวกกินเจแบบเคร่งครัด หรือไม่บริโภคร่วมกับเนื้อสัตว์ประเภทอื่น ๆ ของคนยิวที่ถือศีลประเภทนี้
ปัจจุบัน ทาง Nestle COFFEE-MATE ได้ใช้กรรมวิธีในการผลิตวัตถุดิบไขมันพืช แบบเติมไฮโดรเจนชนิดเต็มรูปแบบ หรือที่เรียกว่า Fully Hydrogenation ซึ่งช่วยทำให้พันธะคู่ของไขมันไม่เกิดการเปลี่ยนแปลง หรือที่เรียกว่า ปราศจากไขมันทรานส์ (Trans fat) และเนืองจากใช้ ไขมันพืชเป็นวัตถุดิบ จึงไม่มีโคเลสเตอรอล

วันพุธที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

อาเซียน

                                                             
                                                                    10 ประเทศอาเซียน
 
 
บรูไน


      1.บรูไนดารุสซาลาม (Brunei Darussalam)

          ประเทศบรูไน มีชื่อเป็นทางการว่า "เนการาบรูไนดารุสซาลาม" มีเมือง "บันดาร์เสรีเบกาวัน" เป็นเมืองหลวง ถือเป็นประเทศที่มีขนาดไม่ใหญ่นัก เพราะมีพื้นที่ประมาณ 5,765 ตารางกิโลเมตร ปกครองด้วยระบบสมบูรณาญาสิทธิราช โดยมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข มีประชากร 381,371 คน (ข้อมูลปี พ.ศ.2550) โดยประชากรเกือบ 70% นับถือศาสนาอิสลาม และใช้ภาษามาเลย์เป็นภาษาราชการ

          อ่านข้อมูลของประเทศบรูไนได้ที่นี่


กัมพูชา

         2.ราชอาณาจักรกัมพูชา (Kingdom of Cambodia)

          เมืองหลวงคือ กรุงพนมเปญ เป็นประเทศที่มีอาณาเขตติดต่อกับประเทศไทยทางทิศเหนือ และทิศตะวันตก มีพื้นที่ 181,035 ตารางกิโลเมตร หรือขนาดประมาณ 1 ใน 3 ของประเทศไทย มีประชากร 14 ล้านคน (ข้อมูลปี พ.ศ.2550) โดยประชากรกว่า 80% อาศัยอยู่ในชนบท 95% นับถือศาสนาพุทธนิกายเถรวาท ใช้ภาษาเขมรเป็นภาษาราชการ แต่ก็มีหลายคนที่พูดภาษาอังกฤษ ฝรั่งเศส และเวียดนามได้

          อ่านข้อมูลประเทศกัมพูชา ได้ที่นี่


อินโดนีเซีย


         3.สาธารณรัฐอินโดนีเซีย (Republic of Indonesia)

          เมืองหลวงคือ จาการ์ตา ถือเป็นประเทศหมู่เกาะขนาดใหญ่ที่สุดในโลก โดยมีพื้นที่ 1,919,440 ตารางกิโลเมตร และมีประชากรมากถึง 240 ล้านคน (ข้อมูลปี พ.ศ.2553) โดย 61% อาศัยอยู่บนเกาะชวา ส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลาม และใช้ภาษา Bahasa Indonesia เป็นภาษาราชการ

          อ่านข้อมูลประเทศอินโดนีเซีย ได้ที่นี่


ลาว

         4.สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) (The Lao People's Democratic Republic of Lao PDR)

          เมืองหลวงคือ เวียงจันทน์ ติดต่อกับประเทศไทยทางทิศตะวันตก โดยประเทศลาวมีพื้นที่ประมาณครึ่งหนึ่งของประเทศไทย คือ 236,800 ตารางกิโลเมตร พื้นที่กว่า 90% เป็นภูเขาและที่ราบสูง และไม่มีพื้นที่ส่วนใดติดทะเล ปัจจุบัน ปกครองด้วยระบอบสังคมนิยม โดยมีประชากร 6.4 ล้านคน ใช้ภาษาลาวเป็นภาษาหลัก แต่ก็มีคนที่พูดภาษาไทย ภาษาอังกฤษ และภาษาฝรั่งเศสได้ ประชากรส่วนใหญ่นับถือศาสนาพุทธ

          อ่านข้อมูลประเทศลาว ได้ที่นี่


มาเลเซีย


          5.ประเทศมาเลเซีย (Malaysia)

          เมืองหลวงคือ กรุงกัวลาลัมเปอร์ เป็นประเทศที่ตั้งอยู่ในเขตศูนย์สูตร แบ่งเป็นมาเลเซียตะวันตกบคาบสมุทรมลายู และมาเลเซียตะวันออก ตั้งอยู่บนเกาะบอร์เนียว ทั้งประเทศมีพื้นที่ 329,758 ตารางกิโลเมตร จำนวนประชากร 26.24 ล้านคน นับถือศาสนาอิสลามเป็นศาสนาประจำชาติ ใช้ภาษา Bahasa Melayu เป็นภาษาราชการ

          อ่านข้อมูลประเทศมาเลเซีย ได้ที่นี่

ฟิลิปปินส์


           6.สาธารณรัฐฟิลิปปินส์ (Republic of the Philippines)

          เมืองหลวงคือ กรุงมะนิลา ประกอบด้วยเกาะขนาดต่าง ๆ รวม 7,107 เกาะ โดยมีพื้นที่ดิน 298.170 ตารางกิโลเมตร มีประชากร 92 ล้านคน (ข้อมูลปี พ.ศ.2553) ส่วนใหญ่นับถือศาสนาคริสต์ และเป็นประเทศที่มีประชากรนับถือศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิกเป็นอันดับ 4 ของโลก มีการใช้ภาษาในประเทศมากถึง 170 ภาษา แต่ใช้ภาษาอังกฤษ และภาษาตากาลอก เป็นภาษาราชการ

          อ่านข้อมูลประเทศฟิลิปปินส์ ได้ที่นี่


สิงคโปร์


            7.สาธารณรัฐสิงคโปร์ (The Republic of Singapore)

          เมืองหลวงคือ กรุงสิงคโปร์ ตั้งอยู่บนตำแหน่งยุทธศาสตร์ที่เป็นศูนย์กลางคมนาคมทางเรือของอาเซียน จึงเป็นประเทศที่มีการพัฒนาทางด้านเศรษฐกิจมากที่สุดในย่านนี้ แม้จะมีพื้นที่ราว 699 ตารางกิโลเมตรเท่านั้น มีประชากร 4.48 ล้านคน ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาทางการ แต่มีภาษามาเลย์เป็นภาษาประจำชาติ ปัจจุบันใช้การปกครองแบบสาธารณรัฐ (ประชาธิปไตยแบบรัฐสภา มีสภาเดียว)

          อ่านข้อมูลประเทศสิงคโปร์ ได้ที่นี่


ประเทศไทย


         8.ราชอาณาจักรไทย (Kingdom of Thailand)

          เมืองหลวงคือกรุงเทพมหานคร มีพื้นที่ 513,115.02 ตารางกิโลเมตร ประกอบด้วย 77 จังหวัด มีประชากร 65.4 ล้านคน (ข้อมูลปี พ.ศ.2553) ส่วนใหญ่นับถือศาสนาพุทธ และใช้ภาษาไทยเป็นภาษาราชการ ปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตย โดยมีพระมหากษัตริย์เป็นองค์ประมุขของประเทศ

          อ่านข้อมูลประเทศไทย ได้ที่นี่


เวียดนาม

          9.สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม (The Socialist Republic of Vietnam)

          เมืองหลวงคือ กรุงฮานอย มีพื้นที่ 331,689 ตารางกิโลเมตร จากการสำรวจถึงเมื่อปี พ.ศ.2553 มีประชากรประมาณ 88 ล้านคน ประมาณ 25% อาศัยอยู่ในเขตเมือง ส่วนใหญ่ร้อยละ 70 นับถือศาสนาพุทธนิกายมหายาน ที่เหลือนับถือศาสนาคริสต์ ปัจจุบัน ปกครองด้วยระบอบสังคมนิยมคอมมิวนิสต์

          อ่านข้อมูลประเทศเวียดนาม ได้ที่นี่


ประเทศพม่า


           10.สหภาพพม่า (Union of Myanmar)

          มีเมืองหลวงคือ เนปิดอว ติดต่อกับประเทศไทยทางทิศตะวันออก โดยทั้งประเทศมีพื้นที่ประมาณ 678,500 ตารางกิโลเมตร ประชากร 48 ล้านคน กว่า 90% นับถือศาสนาพุทธนิกายเถรวาท หรือหินยาน และใช้ภาษาพม่าเป็นภาษาราชการ

          อ่านข้อมูลประเทศพม่า ได้ที่นี่



ประเทศอาเซียน

          ตลอดระยะเวลา 44 ปีที่ผ่านมา อาเซียนได้เกิดความร่วมมือ รวมทั้งมีการวางกรอบความร่วมมือ เพื่อสร้างความเข็มแข็ง รวมถึงความมั่นคงของประเทศสมาชิกทั้งด้านความมั่นคงเศรษฐกิจ สังคมและวัฒนธรรม และในปี พ.ศ. 2558 อาเซียนได้วางแนวทางก้าวไปสู่ประชาคมอาเซียนอย่างสมบูรณ์ ภายใต้คำขวัญคือ  "หนึ่งวิสัยทัศน์ หนึ่งเอกลักษณ์ หนึ่งประชาคม" (One Vision, One Identity, One Community) โดยมุ่งเน้นไปที่ 3 ประชาคม คือ ประชาคมการเมืองและความมั่นคงอาเซียน(ASEAN Political Security Community : APSC)  ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (ASEAN Economic Community : AEC) และประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน (ASEAN Socio-Cultural Community : ASCC)

          โดยเมื่อวันที่ 1 มีนาคม พ.ศ.2552 ผู้นำอาเซียนได้ลงนามรับรองปฏิญญาชะอำ หัวหิน ว่าด้วยแผนงานจัดตั้งประชาคมอาเซียน (ค.ศ. 2009-2015) เพื่อจัดตั้งประชาคมอาเซียนภายในปี 2558 ซึ่งประชาคมอาเซียนประกอบด้วยเสาหลัก 3 เสา ดังต่อไปนี้

          1.ประชาคมการเมืองและความมั่นคงอาเซียน  (ASEAN Security Community – ASC) มุ่งให้ประเทศในภูมิภาคอยู่ร่วมกันอย่างสันติ มีระบบแก้ไขความขัดแย้ง ระหว่างกันได้ด้วยดี มีเสถียรภาพอย่างรอบด้าน มีกรอบความร่วมมือเพื่อรับมือกับภัยคุกคามความมั่นคงทั้งรูปแบบเดิมและรูปแบบใหม่ ๆ เพื่อให้ประชาชนมีความปลอดภัยและมั่นคง

          2.ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (ASEAN Economic Community – AEC) มุ่งให้เกิดการรวมตัวกันทางเศรษฐกิจ และการอำนวยความสะดวกในการติดต่อค้าขายระหว่างกัน อันจะทำให้ภูมิภาคมีความเจริญมั่งคั่ง และสามารถแข่งขันกับภูมิภาคอื่น ๆ ได้เพื่อความอยู่ดีกินดีของประชาชนในประเทศอาเซียน โดย

               มุ่งให้เกิดการไหลเวียนอย่างเสรีของ สินค้า บริการ การลงทุน เงินทุน การพัฒนาทางเศรษฐกิจ และการลดปัญหาความยากจนและความเหลื่อมล้ำทางสังคมภายในปี 2020

               ทําให้อาเซียนเป็นตลาดและฐานการผลิตเดียว (single market and production base)

                 ให้ความช่วยเหลือแก่ประเทศสมาชิกใหม่ของอาเซียนเพื่อลดช่องว่างการพัฒนาและช่วยให้ประเทศเหล่านี้เข้าร่วมกระบวนการรวมตัวทางเศรษฐกิจของอาเซียน

               ส่งเสริมความร่วมมือในนโยบายการเงินและเศรษฐกิจมหภาคตลาดการเงินและตลาดทุน การปะกันภัยและภาษีอากร การพัฒนาโครงสร้างพิ้นฐานและการคมนาคม พัฒนาความร่วมมือด้านกฎหมาย การเกษตร พลังงาน การท่องเที่ยว การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์โดยการยกระดับการศึกษาและการพัฒนาฝีมือแรงงาน
   
          กลุ่มสินค้าและบริการนำร่องที่สำคัญ ที่จะเกิดการรวมกลุ่มกัน คือ สินค้าเกษตร / สินค้าประมง / ผลิตภัณฑ์ไม้ / ผลิตภัณฑ์ยาง / สิ่งทอ / ยานยนต์ /อิเล็กทรอนิกส์ / เทคโนโลยีสารสนเทศ (e-ASEAN) / การบริการด้านสุขภาพ, ท่องเที่ยวและการขนส่งทางอากาศ (การบิน) กำหนดให้ปี พ.ศ. 2558 เป็นปีที่เริ่มรวมตัวกันอย่างเป็นทางการ โดยผ่อนปรนให้กับประเทศ ลาว กัมพูชา พม่า และเวียตนาม สำหรับประเทศไทยได้รับมอบหมายให้ทำ Roadmap ทางด้านท่องเที่ยวและการขนส่งทางอากาศ (การบิน)


ความร่วมมือ


          3.ประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน (ASEAN Socio-Cultural Community – ASCC) เพื่อให้ประชาชนแต่ละประเทศอาเซียนอยู่ร่วมกันภายใต้แนวคิดสังคมที่เอื้ออาทร มีสวัสดิการทางสังคมที่ดี และมีความมั่นคงทางสังคม

          สำหรับการเตรียมความพร้อมเพื่อก้าวเข้าสู่การเป็นประชาคมอาเซียนนั้น ประเทศไทยในฐานะที่เป็นผู้นำในการก่อตั้งสมาคมอาเซียน มีศักยภาพในการเป็นแกนนำในการสร้างประชาคมอาเซียนให้เข้มแข็ง จึงได้มีการเตรียมความพร้อมเพื่อก้าวเข้าสู่การเป็นประชาอาเซียน โดยจะมุ่งเน้นเรื่องการศึกษา ซึ่งจัดอยู่ในประชาคมสังคมและวัฒนธรรม ที่จะมีบทบาทสำคัญที่จะส่งเสริมให้ประชาคมด้านอื่น ๆ ให้มีความเข้มแข็ง เนื่องจากการศึกษาเป็นรากฐานของการพัฒนาในทุก ๆ ด้าน และจะมีการส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางด้านอาเซียนศึกษา เป็นศูนย์การเรียนรู้ด้านศาสนาและวัฒนธรรม เพื่อขับเคลื่อนประชาคมอาเซียนด้วยการศึกษา ด้วยการสร้างความเข้าใจในเรื่องเกี่ยวกับเพื่อนบ้านในกลุ่มประเทศอาเซียน ความแตกต่างทางด้านชาติพันธุ์ หลักสิทธิมนุษยชน ตลอดจนการส่งเสริมการเรียนการสอนภาษาต่างประเทศเพื่อพัฒนาการติดต่อสื่อสารระหว่างกันในประชาคมอาเซียน

วันอังคารที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

10 สถานที่เที่ยวน่าไปในเยอรมัน

1) เบอร์ลิน (Berlin)


เบอร์ลิน Berlin เที่ยวเยอรมัน 10 สถานที่ท่องเที่ยว ทัวร์เยอรมัน

      ความหลากหลายและความน่าตื่นเต้น คุณสามารถหาได้ทั้งสองอย่างจากกรุงเบอร์ลิน เมืองหลวงของประเทศเยอรมัน และที่นี่ยังเป็นศูนย์กลางทางวัฒนธรรมของเยอรมัน ไม่ว่าจะเป็น ศิลปะ แฟชั่น ดนตรี งานสถาปัติสุดอลังการ ที่เที่ยวกลางคืนสุดชิค คุณสามารถหาได้จากเมืองแห่งนี้ เดินลงมาทางถนน Unter den Linden ซึ่งมีพิพิธภัณฑ์, โบสถ์, โอเปร่าเฮ้าส์ และที่สำคัญคือ ประตู Brandenburg ซึ่งเป็นประตูกั้นเยอรมันตะวันออก และ ตะวันตกในยุคที่ยังไม่รวมประเทศ ซึ่งประตูแห่งนี้ยังเป็นสัญลักษณ์ของการรวมเป็นปึกแผ่นของเยอรมันอีกด้วย อีกสิ่งสถานที่ที่ห้ามพลาดของกรุงเบอร์ลินก็คือ The Jewish Museum ซึ่งได้รับเป็นมรดกโลกจากองการ UNESCO

2) ป่าดำ (Black Forest)


ป่าดำ (Black Forest) เที่ยวเยอรมัน 10 สถานที่ท่องเที่ยว ทัวร์เยอรมัน 

      ป่าดำแห่งเยอรมันเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเยอรมันที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่งจากความสวยงามของธรรมชาติ ป่าดำมีอาณาเขตทางตะวันตกติดกับแม่น้ำไรน์และตะวันออกติดกับพื้นที่ทำการเกษตรของชาวนา และมีอาณาบริเวณกว้างถึง 11,000 ตารางกิโลเมตร มีสถานที่สวยๆให้ไปเที่ยวมากมายตั้งแต่ภูเขาสูง ยัน ไร่องุ่น คุณสามารถมาเปิดประสบการณ์ใหม่ๆได้ที่นี่ ไม่ว่าจะเป็นการเดินเท้า การปั่นจักรยาน หรือ เดินทางบนหลังม้าก็ทำได้ทั้งนั้น – เที่ยวเยอรมัน 10 สถานที่ท่องเที่ยว ทัวร์เยอรมัน
ที่นี่คุณยังจะได้พบกับหมู่บ้านสปาน้ำแร่ ที่มีชื่อเสียงอันดับต้นๆของโลกอย่าง หมู่บ้าน Baden-Baden ซึ่งย้อนกลับไป 2000 ปี ทหารโรมันมาที่นี่ เพื่ออาบน้ำผ่อนคลาย เพราะเชื่อว่าน้ำแร่ของที่นี่สามารถรักษาแผลและอาการบาดเจ็บต่างๆได้ . . . ทุกวันนี้หมู่บ้าน Baden-Baden เป็นสถานที่ท่องเที่ยวของคนรวย ฝรั่งเขาเรียกกันว่า เมืองหลวงน่าร้อนของยุโรป เพราะน้ำแร่ของที่นี่ผุดขึ้นมาจากตาน้ำทั้ง 12 แห่งรอบๆบริเวณ ทำให้น้ำที่นี่มีแร่ธาตุสูง แต่การจะมาที่นี่ก็ใช้ค่าใช้จ่ายไม่น้อยเลยหละครับ

3) ปราสาทไฮเดลเบิร์กและสะพานเมือง (Heidelburg castle and Old Town Bridge)


ปราสาทไฮเดลเบิร์กและสะพานเมือง (Heidelburg castle and Old Town Bridge) เที่ยวเยอรมัน 10 สถานที่ท่องเที่ยว ทัวร์เยอรมัน
   
    ปราสาทไฮเดลเบิร์ก บางส่วนถูกทำลายไปบ้าง แต่ปราสาทแห่งนี้ยังคงความขลัง ตามแบบฉบับปราสาทสไตล์ยุโรป ซึ่งที่นี่เป็น 1 ใน landmark ที่มีชื่อเสียงที่สุดในเยอรมัน . . . แต่ก่อนถูกสร้างให้เป็นป้อมปราการ (ประมาณ ค.ศ. 1300) ต่อมาปราสาทแห่งนี้ได้กลายเป็นปราสาทที่พำนักของพระเจ้าฟรีดิช Freidrich . . . อย่าลืมที่จะเยี่ยมชม ที่ผิงไฟสไตล์ Renaissance ที่สวยงามในส่วนปีก Ruprecht, โบสถ์ประจำปราสาท, สวน Hortus Palarnnus (สวนแห่งนี้ไม่เคยสร้างเสร็จ แต่ก็เคยถูกจัดให้เป็น 1 ใน 8 มหัศจรรย์ของโลกมาแล้ว) ส่วนนอกปราสาทไปไม่ไกลก็มีสะพานประจำเมือง ที่สวยงาม เก่าแก่ และมีวิวสวยๆ เหมาะให้ไปเดินเล่น ดูวิว พักผ่อน สุดๆ – เที่ยวเยอรมัน

4) เมืองโคโลญจน์ (Cologne)


 เมืองโคโลญจน์ (Cologne) เที่ยวเยอรมัน 10 สถานที่ท่องเที่ยว ทัวร์เยอรมัน

       มหาวิหารโคโลญจน์เป็นมหาวิหารสไตล์ Gothic ที่ยิ่งใหญ่และเก่าแก่ที่สุดในโลกแห่งหนึ่งเลยก็ว่า สถาปัตยกรรมของที่นี่มีความสวยงามอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ แม้แต่กระจกก็ถูกสร้างและออกแบบอย่างปราณีตโดยจิตรกรเอกของเยอรมัน Gerhard Richter
เมืองนี้มีสถานที่ท่องเที่ยวเยอรมันมากมาย ทั้งพิพิธภัณฑ์ โรงหนัง โรงละคร และร้านอาหารและบาร์ . . . ถ้าคุณมาที่เมืองโคโลญจน์อย่าลืมมาที่ Alter Market และ Heaumarkt Squares ซึ่งที่นี่คุณสามารถให้พนักงานเสิร์ฟ refill เบียร์ได้เรื่อยๆ >.< (อยากไป) คุณสามารถดื่มจนเมาปลิ้นเท่าไหร่ก็ได้ . . . ที่เมืองนี้มีเทศกาลเฉลิมฉลอง 5 ฤดู ซึ่งจัดขึ้นตั้งแต่เดือน พฤษจิกายนเป็นต้นไป นอกจากนั้นเมืองนี้ยังมี Chocolate Museum เอาไว้เอาใจคนรักของหวานโดยเฉพาะ ที่พิพิธภัณฑ์ช็อคโกแลตมี 3 น้ำพุช็อคโกแลต ซึ่งคุณสามารถเอาวัฟเฟิลไปจุ่มกินได้ แถมยังมีประวัติศาสตร์น่ารู้ต่างๆเกี่ยวกับช็อคโกแลตที่มีมากว่า 3000 ปี อีกด้วย

5) ปราสาทนอยชวานชไตน์ (Neuschwanstein castle)


ปราสาทนอยชวานชไตน์ (Neuschwanstein castle) เที่ยวเยอรมัน 10 สถานที่ท่องเที่ยว ทัวร์เยอรมัน

        เคยดูซินเดอเรลลาไหม ถ้าเคย ลองนึกภาพปราสาทในการ์ตูนดูนะครับ . . . ปราสาทนอยชวานชไตน์ ก็คล้ายๆกับในการ์ตูนนั่นแหละ แบบว่า สวยงาม แฟนตาซีสุดๆ ปราสาทแห่งนี้อยู่ทางตอนใต้ของแคว้น Bavaria ซึ่งปราสาทแห่งนี้เป็นแรงบันดาลใจให้ Walt Disney สร้างปราสาทต่างๆในการ์ตูนของเขาให้มีลักษณะคล้ายกับปราสาทนอยชวานชไตน์ . . . ปราสาทแห่งนี้ถูกสร้างโดย พระเจ้าลุดวิกที่ 2 ในศตวรรตที่ 19 เอาไว้เป็นสถานที่สำหรับการลี้ภัยหลังจากเสียบันลังก์แห่งแคว้นบาวาเลีย ซึ่งเขาก็อาศัยอยู่ในปราสาทสุดสวยแห่งนี้ จวบจนวาระสุดท้าย ซึ่งก็ดูจะไม่แย่นักเพราะเขามีบริวารมากมาย อยู่อย่างสุขสบาย จนวาระสุดท้ายของชีวิต

6) ไบรอยท์ (Bayreuth)


ไบรอยท์ (Bayreuth) เที่ยวเยอรมัน 10 สถานที่ท่องเที่ยว ทัวร์เยอรมัน

      ทุกๆปีที่ไบรอยท์จะจัดเทศกาลของ Richard Wagner นักประพันธ์ผู้ยิ่งใหญ่ของโลก ซึ่งในปี 2013 ได้จัดงานอย่างยิ่งใหญ่ และ อลังการกว่าที่ผ่าน เพราะเป็นวันครบ 200 ปี วันเกิดของ Richard Wagner . . . ซึ่งในทุกๆปีที่นี่จะจัดคอนเสิร์ต 8 ครั้งด้วยกัน โดยมีนักดนตรีคลาสสิคชื่อดังจากทั่วทุกมุมโลกเข้าร่วม
แต่ถึงแม้ว่าคุณอาจจะไม่ใช่แฟนตัวยงของดนตรีคลาสสิค แต่คุณก็ไม่มีทางจะผิดหวังจากความอลังการของสถาปัต และ งานศิลป์ ยุคศตวรรตที่ 18 บนฝาพนังของโรงโอเปร่ายักษ์แห่งนี้อย่างแน่นอน (นอกจากนั้น ที่นี่ยังเป็น 1 ในโรงหนังสไตล์บาโรคที่สวยที่สุดของทวีปยุโรปเลยหละครับ)

7) หุบเขาส่วนกลางตอนเหนือของแม่น้ำไรน์ (The Upper Middle Rhine Valley)


หุบเขาส่วนกลางตอนเหนือของแม่น้ำไรน์ (The Upper Middle Rhine Valley) เที่ยวเยอรมัน 10 สถานที่ท่องเที่ยว ทัวร์เยอรมัน

      ปราสาท คฤหาสน์ และ สวนองุ่น เรียงรายล้อมกันอยู่ในเวิ้งของหุบเขากลางของแม่น้ำไรน์ หรือ The Upper Middle Rhine Valley ซึ่งได้รับรางวัลให้เป็นมรดกโลกจากองการค์ UNESCO. . . วิวสวยๆของหุบเขาแห่งนี้เริ่มตั้งแต่เมืองโรมัน Koblnez ผ่านไปยังโขดหิน Loreley จุดที่แคบที่สุดของแม่น้ำ . . . ในอดีตว่ากันว่ามีพรายน้ำชื่อ Loreley ทำการร้องเพลงชักชวนกลาสีให้เข้าไปติดกับชนโขดหินและเรือร่มเสียชีวิตในที่สุด นอกจากนั้นหุบเขาแห่งนี้ยังมีเมืองแสนสวยอย่าง Bingen และ Rudesheim แถมด้วยไร่องุ่นมากมายเรียงรายกันให้วิวแสนสวยที่หาไม่ได้จากที่ไหนเลยแหละครับ

8) มิวนิก (Munich) – สถานที่ท่องเที่ยวเยอรมัน


มิวนิก (Munich) - สถานที่ท่องเที่ยวเยอรมัน เที่ยวเยอรมัน 10 สถานที่ท่องเที่ยว ทัวร์เยอรมัน

        มิวนิกเป็นเมืองหลวงของเขต Bavaria เป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดในเขตนี้เช่นกัน เต็มไปด้วย สถานที่ทางวัฒนธรรมและศาสนา และที่สำคัญเบียร์การ์เด้น ซึ่งชาวเยอรมันเรียกเบียร์การ์เด้นว่า cellar (แปลว่า ห้องใต้ดิน) เพราะว่าดั้งเดิมนั้น ผู้ที่จำหน่ายเบียร์จะขายเบียร์ของเขา ใกล้กับทางขึ้นที่หมักเบียร์ใต้ดิน
ในทุกๆฤดูใบไม้ร่วงจะมีเทศกาลเบียร์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก หรือที่เรียกว่า The Oktoberfest จัดขึ้นที่เมืองมิวนิก ซึ่งจะมีแบรนด์เบียร์ดังๆจากทั้งในเยอรมันและนานาชาติเข้าร่วมมากมาย . . . เขตสำคัญของที่นี่ก็คือ Marienplatz ซึ่งคุณจะพบกับสถานที่สำคัญอย่าง Town Hall และ ตึก St. Mary ซึ่งเหมาะเป็นสถานที่แรกที่จะมาเยือนหากมาที่มิวนิก . . . ต่อมาเป็น The Deutschse Museum ซึ่งเป็น 1 ในทีจัดงานเทศกาลวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ซึ่งแน่นอนมีรถใหมๆมากมายทั้ง BMW และ Mercedes เข้าร่วมเทศกาล ผู้ที่ชื่นชอบเทคโนโลยีและรถต้องชอบเทศกาลนี้แน่ๆ

9) ทะเลสาปโบเดนเซ (Lake Constance) – ทัวร์เยอรมัน


ทะเลสาปโบเดนเซ (Lake Constance) - ทัวร์เยอรมัน เที่ยวเยอรมัน 10 สถานที่ท่องเที่ยว ทัวร์เยอรมัน

        วิวของเทือกเขาแอลป์จากทะเลสาปโบเดนเซจะทำให้คุณต้องตะลึงในความสวยงามของบรรยากาศ ทะเลสาปนี้มีอาณาเขตติดสามประเทศก็คือ สวิส ออสเตรีย และ เยอรมัน ซึ่งคุณสามารถจะ เล่นเรือใบ วินเซิร์ฟ วายน้ำ หรือพายเรือเล่น ก็ได้ ถ้าหากอยากไปชมวิวสวยๆบนเกาะ กลางทะเลสาปทั้ง 3 ก็ทำได้เช่นกัน ในบริเวณทะเลสาปโบเดนเซมีอะไรให้ค้นหามากมาย เช่น วิวเมืองสวยๆของเมือง และ หมู่บ้าน รวมไปถึงปราสาทหลายหลังที่ตั้งอยู่ติดกับทะเลสาป เป็นสถานที่ท่องเที่ยวธรรมชาติของเยอรมันที่น่ามาเยือนเป็นอย่างยิ่ง

10) ภูเขา Zugspitze – เที่ยวเยอรมัน


เทือกเขา Zugspitze - เที่ยวเยอรมัน เที่ยวเยอรมัน 10 สถานที่ท่องเที่ยว ทัวร์เยอรมัน

      ถ้าหากการดูวิวจากทะเลสาปโบเดนเซทำให้คุณรู้สึกฟินแล้วหละก็ ถ้าคุณไปบนภูเขา Zugspitze รับรองว่าต้องฟินยิ่งกว่าเดิมแน่นอน เพราะภูเขาแห่งนี้มีความสูงที่สุดในเยอรมัน (ที่สุดสูงสุดนั้น มีความสูงกว่าระดับน้ำทะเลราว 3 กิโลเมตรเลยทีเดียว) ด้วยวิวสุดสวยแบบ พาโนราม่า 360 องศา คุณสามารถมองเห็นได้มากกว่า 400 ภูเขา ของหลายประเทศทั้ง เยอรมัน, ออสเตรีย, อิตาลี และ สวิตเซอร์แลนด์ และด้วยหิมะซึ่งตกรวมกัน 7 เดือนต่อปี นักท่องเที่ยวสามารถเล่น สกี สโนบอร์ด และกิจกรรมอื่นๆอีกมายมาก คุณสามารถมาเที่ยวได้แบบวันเดียวจบแล้วกลับ หรือจะพักที่หมู่บ้าน Igloo ก็ได้เช่นกั

เชงเก้น

                         ความตกลงเชงเก้น

          ความตกลงเชงเกน (อังกฤษ: Schengen Agreement) เป็นความตกลงระหว่างประเทศส่วนใหญ่ในทวีปยุโรปอันให้สัตยาบันเมื่อ พ.ศ. 2528 สาระสำคัญเป็นการอนุญาตให้สมาชิกในกลุ่มสามารถเดินทางระหว่างกันโดยไม่ต้องถือหนังสือเดินทาง ข้อตกลงนี้มีผลต่อประชากร 4,000,000 คนใน 24 ประเทศ (21 ธันวาคม พ.ศ. 2550) ครอบคลุมเนื้อที่ 4,268,633 ตารางกิโลเมตร (1,648,128 ตารางไมล์) นอกจากนั้นยังให้การอนุญาตชั่วคราวกับผู้ถือใบอนุญาตเชงเกน (Schengen Visa) มีสิทธิในการเดินทางได้ชั่วคราวในประเทศสมาชิกโดยถือใบอนุญาตใบเดียว ตามสนธิสัญญาอัมส์เตอร์ดัม (Treaty of Amsterdam) ข้อตกลงและตัดสินใจทุกข้อของความตกลงเชงเกนกลายเป็นส่วนหนึ่งของกฎหมายของสหภาพยุโรป
ประเทศที่ลงนามในความตกลงฉบับนี้มีด้วยกัน 30 ประเทศรวมทั้งประเทศในสหภาพยุโรปทุกประเทศ และประเทศนอกสหภาพอีก 3 ประเทศคือ ประเทศไอซ์แลนด์ ประเทศนอร์เวย์ และประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ปัจจุบันมี 26 ประเทศที่ใช้ความตกลงนี้ สหราชอาณาจักรยังมิได้ใช้กฎนี้ หลังจากที่มีการปฏิบัติข้อตกลงนี้ด่านหรือป้อมตรวจคนเข้าเมืองของประเทศที่อยู่ในเครือเชงเกนก็ถูกรื้อทิ้ง[1]

                              ประเทศสมาชิกเชงเกน

ประเทศที่อนุญาตให้ประชาชนในกลุ่มเชงเกนสามารถเดินทางระหว่างกันโดยไม่ต้องถือหนังสือเดินทาง และประชาชนจากประเทศนอกกลุ่มเชงเกนเดินทางระหว่างประเทศเชงเกนได้โดยใช้ใบอนุญาตเพียงใบเดียว - ใบอนุญาตเชงเกน (Schengen Visa) ประเทศสมาชิกทั้งหมดหลังจากการเข้าร่วมเพิ่มในเดือน ธันวาคม พ.ศ. 2551 ประกอบด้วย


         
  • ประเทศเบลเยียม
  • ประเทศฝรั่งเศส
  • ประเทศอิตาลี
  • ประเทศลักเซมเบิร์ก
  • ประเทศเนเธอร์แลนด์
  • ประเทศเดนมาร์ก
  • ประเทศกรีซ
  • ประเทศโปรตุเกส
  • ประเทศสเปน
  • ประเทศเยอรมนี
  • ประเทศออสเตรีย
  • ประเทศฟินแลนด์
  • ประเทศสวิตเซอร์แลนด์
  • ประเทศสวีเดน
  • ประเทศนอร์เวย์
  • ประเทศไอซ์แลนด์
  • ประเทศมอลตา
  • สาธารณรัฐเช็ก
  • ประเทศเอสโตเนีย
  • ประเทศฮังการี
  • ประเทศโปแลนด์
  • ประเทศสโลวาเกีย
  • ประเทศสโลวีเนีย
  • ประเทศลัตเวีย
  • ประเทศลิทัวเนีย
  • ประเทศโมนาโก

  •  

    CITES

    PRESS RELEASE Proposals to change protection levels of species under international  trade at the next World Wildlife Conference available...